Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

มะเร็งรังไข่ ระวังไว้ ภัยเงียบที่สาวๆอาจไม่ทันสังเกต

24 ต.ค. 2566


   นอกจาก “มะเร็งเต้านม” และ “มะเร็งปากมดลูก” ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 และ 2 ของผู้หญิงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโรคมะเร็งร้ายที่ผู้หญิงต้องระมัดระวัง นั่นก็คือ “มะเร็งรังไข่”  ซึ่งโรคนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดกับผู้หญิงที่อายุมากแล้วเท่านั้น เพราะแม้แต่ในผู้หญิงอายุน้อยก็มีโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ได้ และที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือมักจะตรวจพบเมื่ออยู่ในระยะที่สามหรือสี่แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เข้ารับการตรวจคัดกรองก่อนมีอาการ
มะเร็งรังไข่คืออะไร?

  มะเร็งรังไข่ คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณรังไข่ ซึ่งปกติผู้หญิงจะมีรังไข่อยู่สองข้าง โดยโอกาสที่จะเกิดมะเร็งรังไข่ทั้งสองข้างพร้อมๆ กันมีประมาณ 25% มะเร็งรังไข่เป็นโรคที่พบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก โดยความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นในผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

ซึ่งการเกิดมะเร็งรังไข่แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ
  1. Germ Cell Tumors มะเร็งฟองไข่ที่เกิดจากเซลล์ตัวอ่อน มีโอกาสพบได้ 5%
  2. Epithelium Tumors มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวรังไข่ ซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ คือประมาณ 90%
  3. Sex Cord-Stromal Tumors มะเร็งเนื้อรังไข่ ซึ่งพบได้น้อยมาก
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ และจะพบได้มากขึ้นในกลุ่มเสี่ยง ต่อไปนี้
  • ผู้ที่มีคนในครอบครัวสายตรงมีประวัติเป็นโรคมะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งนรีเวชอื่นๆ
  • ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเกิน
  • มีประจำเดือนไวกว่าปกติและหมดช้ากว่าปกติ
  • ผู้ที่มีประจำเดือนเร็ว คืออายุน้อยกว่า 12 ปี
  • ผู้ที่หมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี
  • ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก และผู้ที่ต้องใช้ยากระตุ้นการตกไข่
  • สตรีที่ไม่เคยตั้งครรภ์หรือคลอดบุตร
  • มีประวัติการรักษาโรคอื่นๆ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูก

อาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร

   มะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นอาจจะไม่มีอาการผิดปกติเลย อาการที่ผู้ป่วยมาหาแพทย์บ่อย ได้แก่ ปวดท้อง อาการท้องโตขึ้นซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากก้อนมะเร็งที่รังไข่หรือเกิดจากท้องมานก็ได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะมาด้วยอาการอื่นๆ แล้วแต่ว่ามะเร็งกระจายไปที่ใด เช่น กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอ ทำให้ตรวจพบต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือกระจายไปที่ปอดทำให้ผู้ป่วยมาด้วยอาการไอ เหนื่อยหอบ หรือมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด เป็นต้น

มะเร็งรังไข่ แบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 : เป็นระยะที่พบเซลล์มะเร็งในรังไข่หรือท่อนำไข่ 1 หรือทั้ง 2 ข้าง
ระยะที่ 2 : เป็นระยะที่พบเซลล์มะเร็งในรังไข่หรือท่อนำไข่ 1 หรือทั้ง 2 ข้าง และเซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อรอบๆ รังไข่ แต่ยังอยู่ภายในเยื่อบุอุ้งเชิงกราน
ระยะที่ 3 : เป็นระยะที่พบเซลล์มะเร็งในรังไข่หรือท่อนำไข่ 1 หรือทั้ง 2 ข้าง และเซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังเยื่อบุช่องท้องด้านบนหรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง
ระยะที่ 4 : เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ปอด เป็นต้น

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น

  • ท้องอืด อึดอัดแน่นท้อง
  • เบื่ออาหาร ทานได้น้อยลง
  • ปัสสาวะบ่อย
  • น้ำหนักขึ้นหรือลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีเลือดออกผิดปกติจากทางช่องคลอด
  • คลำก้อนเนื้อได้ในท้องน้อย ปวดท้องน้อย

การตรวจมะเร็งรังไข่ จะตรวจได้ด้วยวิธีอะไร ทำไมต้องตรวจ?

   มะเร็งรังไข่มักไม่ค่อยแสดงอาการ จึงไม่ค่อยทราบว่าตัวเองเป็น และการตรวจมะเร็งรังไข่เพียงวิธีเดียวอาจไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเนื้อร้ายมะเร็งหรือไม่ ดังนั้นแพทย์อาจต้องอาศัยการตรวจหลายวิธีร่วมกัน ดังนี้

  1. การตรวจภายใน
  2. การตรวจด้วยอัลตราซาวด์
  3. การตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scans)
  4. การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  5. การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง
  6. การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)

แนวทางของการรักษาของโรคมะเร็งรังไข่
  ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งรังไข่, ตำแหน่ง, ที่อยู่, ความรุนแรงของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย อีกทั้งขึ้นอยุ่ดุลพินิจของแพทย์ในการรักษา ได้แก่

  1. การผ่าตัด (Surgery)
  2. การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
  3. การให้ยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy)
  4. การรักษาด้วยฮอร์โมน (Hormone therapy)

   ดังนั้นสตรีทุกท่านควรเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปีอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาได้อย่างทันท่วงที

สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.กมลพร เชาว์วิวัฒน์กุล แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์สตรี โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745 ต่อ ศูนย์สตรี


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.